วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การเก็บอารมณ์

" เมื่อเรามีหลักอยู่ว่า เราจะบำเพ็ญประโยชน์ให้กับคนทั่วไป คนที่มาหาเรา
ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะไหนเราก็รับได้ เพราะเราตั้งใจไว้ดี แต่ถ้าหากเราเกิด
มีอารมณ์โกรธ อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมา เราก็พยายามเก็บมันไว้ภายในไม่ให้ใคร
รับรู้ได้ ในตอนแรก ๆ การเก็บอารมณ์นี้ มันจะกระทำได้ยากอยู่ แต่ถ้าหากทำ
เป็นประจำ จนกระทั่งเกิดเป็นความเคยชินแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็จะหายไปเอง "

--------------------------------------------------------------------------------

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( เกี่ยว อุปเสโณ ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
 

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อย่าลืมเมตตาตน

‎"มีเมตตาต่อเขาผู้เป็นทุกข์ นั้นดีนัก แต่อย่าลืมเมตตาตน
ตนเองปล่อยให้ใจตัวเองเป็นทุกข์ เพราะเมตตาเขา

ไม่มีอำนาจใด จะไปสู้กับอำนาจกรรมของใครได้
เมื่อเชื่อในเรื่องอำนาจกรรมเช่นนี้...
...

ใจที่มีเมตตา ก็จะเป็นการมีเมตตาอย่างถูกต้อง อย่างมีปัญญา
ไม่พาใจตนเองไปสู่ความเร่าร้อน ด้วยเมตตาที่ไม่ถูกต้อง"

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกฯ

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กิเลสมันกลัวปัญญา

กิเลสไม่ได้กลัวคนอ่าน
คนนับถือศาสนา หรือ
คนเรียนตำรับตำรา

กิเลสมันกลัวปัญญา กลัวแต่คนปฏิบัติ เพื่อกำจัดมันเท่านั้น


หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

Anongnart Biccini ได้แบ่งปัน รูปภาพ ของ ธรรมะคือยาขนานเอก
 http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7703

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

“บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น”

บัณฑิตไม่มีความเพ่งโทษผู้อื่น บัณฑิตจะเพ่งโทษตนเอง การเพ่งโทษตนเองนั้นเป็นการฝึกตนเองอย่างหนึ่งที่จักเกิดผลจริง การเพ่งโทษผู้อื่นเป็นวิสัยของผู้ไม่ใช่บัณฑิต


http://watconcord.org/index.php?option=com_content&view=article&id=230:2011-12-30-19-07-28&catid=6:2010-12-24-05-19-10&Itemid=25



บัณฑิต
ความหมาย

[บันดิด] น. ผู้ทรงความรู้, ผู้มีปัญญา, นักปราชญ์, ผู้สําเร็จการศึกษาขั้นปริญญาซึ่งมี ๓ ขั้น คือ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เรียกว่า บัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต, ผู้มีความสามารถเป็นพิเศษโดยกําเนิด เช่น คนนี้เป็นบัณฑิตในทางเล่นดนตรี. (ป., ส. ปณฺฑิต).
http://guru.sanook.com/dictionary/%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1_%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2_%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%81/


 

โลกกลียุค

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น

ไปไม่กลับ  หลับไม่ตื่น  ฟื้นไม่มี  หนีไม่พ้น   ที่ติดอยู่ที่ตาลปัตของพระ  เมื่อ

เวลาสวดพระอภิธรรมในงานศพ     เป็นคำแสดง    มรณสติ   แก่ผู้ไปฟังพระสวดพระ

อภิธรรม   คือ  ความตาย   หรือการตายของคนเราทุกคนมีลักษณะที่ว่า     บุคคลนั้น

เมื่อไปแล้วไม่กลับมาอีก     เหมือนนอนหลับแต่ไม่มีวันตื่น    คนตายแล้วย่อมไม่ฟื้น

คนที่ฟื้นแสดงว่ายังไม่ตาย   ทุกคนที่เกิดมาย่อมหนีความตายไม่พ้น  ต้องตายทุกคน

เพราะฉะนั้นอย่าประมาท    เมื่อมีมือมีเท้ามีเรี่ยวแรง  ก็ควรเจริญกุศล   ทำบุญเข้าไว้

อย่าคิดว่าจะไม่ตาย  หรืออย่าคิดว่าจะอยู่อีกนาน  ความตายจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้

http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=2467

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โมหะที่เกาะกุมใจ

เมฆหมอกที่ปกคลุมถนนหนทางยังพอมองเห็นอย่างไม่ต้องมีเครื่องช่วย แต่โมหะที่เกาะกุมใจต้องอาศัยสติเท่านั้นไว้คอยดู
http://www.facebook.com/#!/tj.richy




โมหะ (บาลี: Moha) แปลว่า ความหลง ความเขลา ความโง่ หมายถึงความไม่รู้ตามที่เป็นจริง เป็นกิเลสอย่างหนึ่งในบรรดากิเลสใหญ่ 3 อย่าง คือ โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งได้แก่อวิชชา นั่นเอง

ธรรมที่อยู่กลุ่มเดียวกับโมหะมีอีก 3 อย่าง เมื่อนับรวมกับโมหะจึงเรียกว่า โมจตุกะ ได้แก่
 

  โมหะ เป็นความหลง หรือธรรมชาติที่ปิดความจริงของอารมณ์
  อหิริกะ เป็นธรรมชาติที่ไม่ละอายในการทำผิดทางกาย วาจา ใจ
  อโนตตัปปะ เป็นธรรมชาติที่ไม่กลัวเกรงต่อผลของ
บาป
  อุทธัจจะ เป็นความฟุ้งซ่านหรือธรรมชาติที่จับอารมณ์ไม่มั่น

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B0

ขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุม

หากยามใดท้อถอย เหนื่อยหน่ายต่อการปฏิบัติ
ก็ให้ระลึกถึงภัยข้างหน้าที่จะมีมา
ต้องตระหนักว่าขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุม
อยู่ท่ามกลางคลื่น ภัยนั้นมีอยู่รอบด้าน
เอาไว้ให้ถึงฝั่งเสียก่อน อย่ามัวเที่ยวเก็บ เที่ยวชมดอกไม้
...มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวจะหาทางออกไม่พบ

- หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การทำสัตว์ตาย ก็จะขาดศีล ปาณาติบาต ข้อที่ ๑



















การทำสัตว์ตาย ก็จะขาดศีล ปาณาติบาต ข้อที่ ๑ นั้นมันต้องมีเจตนาฆ่านะ ไม่ใช่เจตนาอย่างอื่น นี่เป็นบัญญัติขึ้นว่า มีเจตนาอย่างนั้น แล้วพยายามอย่างนั้น แล้วทำจนตายนั้น ก็ขาดศีลข้อนี้โดยตรง หรือแม้แต่เป็นบางส่วนที่ร่วมมือ ใจความสำคัญมันอยู่ที่ว่า เจตนานั้นมันนึกในใจใครจะไปรู้ของใคร ฉะนั้น จึงวางไว้เป็นหลักว่า แล้วแต่เจตนา


เพชฌฆาตเขาต้องประหารชีวิตคนตามคำสั่งของศาล เพชฌฆาตคนนี้จะขาดศีลปาณาติบาตข้อหนึ่งหรือหาไม่?

แล้วแต่เจตนาของเพชฌฆาตคนนั้น ถ้าเป็นเพชฌฆาตที่ไม่ได้รับการอบรมศึกษาอะไร มันทำไปด้วยความโกรธแค้นเจตนาจะฆ่าให้ตายด้วยความโกรธแค้น หรืออะไรก็ตาม มันก็ต้องขาดศีลข้อปาณาติบาต แต่ถ้ามันเป็นเพชฌฆาตที่ได้รับการอบรมสั่งสอนดี ไม่มีเจตนาจะฆ่า มีเจตนาแต่จะปฏิบัติเพื่อความยุติธรมในโลก มันมีความบริสุทธิ์ใจอย่างนี้จริงๆ ไม่มีเจตนาฆ่า เพชฌฆาตคนนี้ไม่ขาดศีลปาณาติบาต มันต้องมีเจตนาจะฆ่า


ถ้ามีเจตนาโกรธแค้น กูจะฆ่ามึง นี่มันก็ต้องขาดศีล แต่ถ้าเจตนาตั้งไว้บริสุทธิ์ เพียงเพื่อต่อสู้ป้องกันชีวิตตนเองอย่างนี้ พระเจ้า พระสงฆ์ก็กิน แม้แต่พระอรหันต์ก็ฉันยาถ่าย ซึ่งทำให้พยาธิในท้องต้องตายไปไม่มากก็น้อย

คัดมาบางตอนจาก  http://www.buddhadasa.com/FAQ/FAQ_1.html